IC Markets เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการเทรด Forex โดยเฉพาะนักเทรดที่ต้องการสเปรดต่ำและการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว ในปี 2024 IC Markets ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับนักเทรดทั่วโลก ด้วยบริการที่ครอบคลุมสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น Forex ทองคำ ดัชนีหุ้น และคริปโตเคอเรนซี บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย และการเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการเทรดในแพลตฟอร์มของ IC Markets
ข้อดีของ IC Markets
สเปรดต่ำมาก
IC Markets เป็นที่รู้จักในด้านการให้บริการสเปรดที่ต่ำมาก โดยเฉพาะบัญชีแบบ Raw Spread ซึ่งมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip สำหรับคู่เงินหลัก เช่น EURUSD และ USDJPY ค่าคอมมิชชั่นสำหรับบัญชี Raw Spread อยู่ที่ประมาณ $7 ต่อล็อต ซึ่งทำให้ต้นทุนในการเทรดของนักเทรดต่ำลงอย่างมาก เหมาะสำหรับนักเทรดที่ทำการซื้อขายในปริมาณมากหรือต้องการความเร็วในการดำเนินการ
การดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว
IC Markets มีชื่อเสียงในเรื่องการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว เนื่องจากมีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ในศูนย์ข้อมูลหลักในนิวยอร์กและลอนดอน ซึ่งช่วยลดเวลาแฝง (Latency) ในการส่งคำสั่งซื้อขาย จึงเหมาะสำหรับนักเทรดประเภท Scalping และนักเทรดที่ใช้ระบบ Expert Advisors (EA) ในการเทรดอัตโนมัติ
แพลตฟอร์มการเทรดหลากหลาย
นอกจากการให้บริการบนแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) แล้ว IC Markets ยังให้บริการบนแพลตฟอร์ม cTrader ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการใช้งานที่ง่ายและเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความเร็วในการดำเนินการคำสั่ง นอกจากนี้ cTrader ยังมีฟีเจอร์ Depth of Market (DOM) ที่ช่วยให้นักเทรดสามารถดูปริมาณการซื้อขายในตลาดได้
การรองรับสินทรัพย์หลายประเภท
IC Markets ไม่เพียงแค่รองรับการเทรด Forex แต่ยังครอบคลุมการเทรดในตลาดอื่น ๆ เช่น ทองคำ น้ำมัน ดัชนีหุ้น และคริปโตเคอเรนซี ทำให้นักเทรดสามารถกระจายพอร์ตการลงทุนได้อย่างยืดหยุ่น
ข้อเสียของ IC Markets
ไม่มีโบนัสหรือโปรโมชั่น
IC Markets ไม่มีการให้โบนัสหรือโปรโมชั่นสำหรับนักเทรดใหม่ ซึ่งต่างจากโบรกเกอร์อื่น ๆ เช่น XM หรือ Exness ที่มักจะมีโบนัสการฝากเงินหรือโบนัสเงินสดสำหรับนักเทรดใหม่ แม้ว่านักเทรดมืออาชีพอาจไม่ต้องการสิ่งนี้ แต่สำหรับนักเทรดมือใหม่ที่ต้องการทดสอบการเทรด อาจรู้สึกว่าเสียโอกาสในส่วนนี้
การบริการลูกค้าในบางภาษา
แม้ว่า IC Markets จะมีการให้บริการลูกค้าในหลายภาษา แต่การสนับสนุนในบางภาษายังอาจไม่ครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งอาจทำให้นักเทรดที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดข้ามคืนต้องรอนาน
การเปรียบเทียบค่าธรรมเนียม FX
ค่าธรรมเนียมการซื้อขายใน IC Markets ถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้โบรกเกอร์นี้โดดเด่นในปี 2024 ซึ่งการเทรดในบัญชี Raw Spread และบัญชี Standard มีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันดังนี้:
บัญชี Raw Spread
บัญชี Raw Spread เป็นบัญชีที่ออกแบบมาสำหรับนักเทรดมืออาชีพ โดยมีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip บนคู่เงินหลัก และมีค่าคอมมิชชั่น $7 ต่อล็อตต่อการซื้อขาย ซึ่งทำให้บัญชีนี้เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการต้นทุนการซื้อขายต่ำ โดยเฉพาะนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ Day Trading ที่ต้องการเข้าและออกจากตลาดบ่อยครั้ง
บัญชี Standard
บัญชี Standard ของ IC Markets ไม่มีการคิดค่าคอมมิชชั่น แต่จะมีสเปรดที่กว้างกว่าเล็กน้อย โดยสเปรดเริ่มต้นที่ 1.0 pip บนคู่เงินหลักเช่น EURUSD และ GBPUSD แม้ว่าสเปรดจะกว้างกว่า แต่บัญชีนี้เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการลดความซับซ้อนในการคำนวณค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมค้างคืน (Swap)
การเทรดที่ข้ามคืนจะมีค่าธรรมเนียม Swap ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของคู่เงินที่คุณถืออยู่ โดย IC Markets มีอัตรา Swap ที่สามารถแข่งขันได้เมื่อเทียบกับโบรกเกอร์รายอื่น ๆ เช่น Pepperstone หรือ Exness โดยเฉพาะการเทรดในคู่เงินที่มีสภาพคล่องสูง เช่น EURUSD และ USDJPY
ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
IC Markets ไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงินจากการใช้บริการธนาคารท้องถิ่น หรือ E-wallet เช่น Skrill หรือ Neteller ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการเทรดได้ นอกจากนี้ การใช้บริการ VPS สำหรับนักเทรดที่ต้องการรัน EA ยังมีค่าบริการในระดับที่เหมาะสม ซึ่งนักเทรดที่มีปริมาณการซื้อขายมากสามารถรับบริการนี้ได้ฟรี
สรุป
ในปี 2024 IC Markets ยังคงเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้บริการแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 รวมถึง cTrader ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำ สเปรดที่สามารถแข่งขันได้ และการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว โบรกเกอร์นี้เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเงื่อนไขการซื้อขายที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การที่ IC Markets ไม่มีโบนัสหรือโปรโมชั่นอาจทำให้นักเทรดบางคนรู้สึกเสียโอกาส นอกจากนี้ การบริการลูกค้าในบางภาษาอาจต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้น